วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2550


ปัญหาการหยุดงาน" ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาที่สำคัญขององค์การแล้วล่ะก็ ท่านอาจต้องคิดใหม่ หากได้ลองคิด "ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการหยุดงาน" เหล่านี้ เช่น
ต้องจ้างคนมากกว่าที่ควรจะจ้างอีก 10%
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
สูญเสียเวลาที่จัดหรือมอบหมายงานเพื่อทำแทนคนที่หยุดงานไป
ค่าล่วงเวลาเพื่อจัดคนแทน หรือทำงานแทนคนที่หยุดไป
ของเสียในกระบวนการผลิตเนื่องจากคนมาแทนไม่เก่งงาน
ส่งของไม่ทันเวลา - ลูกค้าโวย
ยอดขายตกเพราะไม่มีคนรับงานขาย หรือแก้ปัญหาของลูกค้า
เสียเป็นแสนๆ และทำให้เสียเปรียบคู่แข่งขัน แต่ละองค์การคงสูญเสียไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าองค์การใดมีปัญหาการหยุดขาดงานมากน้อยต่างกันแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ รับรองว่าเป็นเงิน "มหาศาล" ไม่เชื่อลองคำนวณออกมาดูซิครับ รับรอง "นาย" เห็นเมื่อไร HR มีงานทำอีกเยอะและหากถามให้เจาะจงลงไปอีกว่า "ทำไมจึงหยุดงาน" ก็น่าจะได้แก่ประเด็นต่างๆเหล่านี้
การมาทำงานเป็นปัญหา
ความกดดันจากนอกงาน
งานไม่จูงใจ
ความสนุกสนานนอกงาน
ถูกชักจูงในทางที่ผิด
หยุดเพื่อแกล้งหรือแก้เผ็ด
ไม่ชอบงานบางอย่าง
ความสัมพันธ์ในงานไม่ดี
ป่วยจริง
ภาระกิจนอกงานที่มีความสำคัญเหนือกว่า
นิสัยไม่ดีชอบหยุดงาน
หน่วยงานละเลยการมาทำงาน
อีกทั้งยังมีผลการวิจัยที่สำคัญ ที่เกี่ยวกับการหยุดงานมาให้ดูกันอีก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบว่า การหยุดงานเกิดจากอะไร ควรแก้อย่างไร ลองดู "สรุปงานวิจัยเกี่ยวกับการหยุดงาน" เหล่านี้ดูครับ
การควบคุมอัตราการหยุดงานจะได้ผลกว่า ถ้าใช้มาตรการแบบ "ไม้แข็ง" และ "ไม้นวม" ควบกันไป ทั้งขู่และปลอบ
ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม การลดอัตราการหยุดงานจำต้องอาศัยปัจจัยสำคัญคือ
ค้นหาสาเหตุและการวิเคราะห์ และ
ความเพียรพยายามในการสื่อข้อความ การจูงใจ และการควบคุม
สภาพการทำงาน เช่น ความร้อน แสงเสียง การระบายอากาศ มิใช่ประเด็นสำคัญอย่างที่คิด แต่ก็อาจจะเป็นตัวกระตุ้นและพนักงานก็มักจะไม่แสดงออกถึงความไม่พอใจด้วยการหยุดงานมากๆ สภาพร่ายกายเสียอีกที่เป็นปัญหา
ลักษณะงาน เช่น งานไม่ท้าทาย ทำแล้วเบื่อ รวมถึงสภาพวะแวดล้อมของสังคมในที่ทำงานเป็นมูลเหตุที่สำคัญเหมือนกัน
อัตราการหยุดงานในกลุ่มคนที่น้อยกว่า เช่น ระหว่าง 3 - 5 คน ในแต่ละหน่วยงานทั้งนี้ เพราะความรักและความผูกพัน และความเกรงใจระหว่างคนในกลุ่ม
คุณภาพของการบังคับบัญชา ถือว่าเป็นตัวแปรที่สำคัญมากในการควบคุมและลดอัตราการหยุดงาน
งานวิจัยพบว่า ความมีประสิทธิผลในการควบคุมและลดอัตราการหยุดงานขึ้นอยู่กับการฝึกอบรมในเรื่องการควบคุมอัตรการหยุดงาน และการสื่อข้อความและความเพียรพยายามของฝ่ายบริหารระดับสูง
สถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จมักจะมีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการหยุดงานของพนักงาน และมีการแถลงนโยบายและวิธีการในเรื่องการหยุดงานอย่างแน่ชัด ทั้งนี้ รวมถึงการตัดค่าจ้างเมื่อหยุดงานที่ไม่ถูกระเบียบ และการลงโทษทางวินัยด้วย
นอกเหนือจากข้างต้น การพูดคุยระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องในเรื่องการมาทำงานก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ และการปรุงแต่งงานให้เป็นที่ท้าทายหรือทำแล้วสนุกก็เป็นประเด็นที่สำคัญอีกเช่นกัน
งานวิจัยยังไม่พบว่า การลดอัตราการหยุดงานจะได้ผลกว่าถ้าได้มีการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงมิใช่ดูแต่อาการอย่างคร่าวๆ เท่านั้น และจะต้องแก้ไขเป็นกรณีๆ ไปจะหาวิธีที่ใช้ได้ผลทุกกรณีย่อมเป็นการยากและมักไม่ค่อยได้ผล พูดกันอย่างง่ายๆ ต้องดูกันเป็นรายๆ ไป
อัตราการหยุดงานจะต่ำกว่าถ้าหัวหน้างานใช้รูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตยแทนที่จะเป็นเผด็จการ
อัตราการหยุดงานจะต่ำกว่า ถ้าหัวหน้างานได้รับการฝึกอบรมทางด้านการบังคับบัญชา
อัตราการหยุดงานจะสูงในกลุ่มคนระหว่าง 20 - 30 คน

ไม่มีความคิดเห็น: